สายไฟในโรงงานมีกี่ประเภท แล้วเลือกใช้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบ

สายไฟในโรงงาน เลือกผิด ชีวิตพัง! เลือก Inspire Protech ชัวร์ ปลอดภัย ไร้กังวล

 

อธิบายก่อนเลยว่าหัวใจสำคัญของระบบไฟฟ้าในโรงงานคือ "สายไฟ" ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ เปรียบเสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงให้โรงงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะโรงงานอุตสาหกรรมเองก็เปรียบเสมือนร่างกายขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้านั่นเอง สายไฟถึงจำเป็นมาก ๆ แต่ด้วยความหลากหลายของประเภทและการใช้งาน การเลือกสายไฟที่เหมาะสมกับความต้องการจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

สำหรับบทความนี้จะพาทุกท่านไปไขข้อสงสัยเกี่ยวกับสายไฟในโรงงาน เริ่มต้นด้วยการจำแนกประเภทสายไฟที่พบเห็นได้ทั่วไป พร้อมทั้งอธิบายหลักการเลือกใช้ที่ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดของระบบไฟฟ้าในโรงงานของคุณ ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปกันเลย

ประเภทของสายไฟในโรงงาน รู้จักประเภทที่ใช่ เลือกใช้ให้ปลอดภัย

ลำดับแรกเราจะพาทุกคนไปรู้จักกับเส้นเลือดหลากหลาย ที่คอยหล่อเลี้ยงโรงงานของคุณอย่างประเภทของสายไฟ ว่ามีกี่ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และคุณควรใช้สายไฟแบบไหน เรานำมาฝากแล้ว

1.เลือกสายไฟตามแรงดันไฟฟ้าที่ต้องการ
การจำแนกประเภทสายไฟตามแรงดันไฟฟ้านั้น ถือเป็นวิธีการแยกประเภทสายไฟในโรงงานที่สำคัญ เพราะแรงดันไฟฟ้าเป็นตัวกำหนดขนาด หน้าที่ และการใช้งานของสายไฟแต่ละประเภท ดังนี้

• สายไฟแรงสูง (High Voltage Cable)
มีแรงดันไฟฟ้ามากกว่า 1,000 โวลต์ (kV) เลยทีเดียว โดยจะส่งจ่ายไฟฟ้าแรงสูงจากระบบไฟฟ้าหลัก มีฉนวนหนาแน่น ทนทานต่อแรงดันไฟฟ้าสูง โดยหลัก ๆ แล้วจะใช้ในการส่งจ่ายไฟฟ้าจากสถานีไฟฟ้าย่อยมายังโรงงาน และเป็นสายไฟที่จ่ายไฟฟ้าไปยังหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ รวมไปถึงในโรงงานก็นิยมไม่น้อยเลย

• สายไฟแรงกลาง (Medium Voltage Cable)
จะเป็นตัวรองลงมาหน่อย มีแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ระหว่าง 1 kV ถึง 35 kV โดยจะจ่ายไฟฟ้าแรงกลางจากหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนมากแล้วจะใช้ในการจ่ายไฟฟ้าจากหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ไปยังหม้อแปลงย่อย หรือสายไฟที่จ่ายไฟฟ้าไปยังระบบไฟฟ้าภายในอาคารบางแห่ง และเป็นสายไฟหลักภายในโรงงานขนาดใหญ่เช่นกัน

• สายไฟแรงต่ำ (Low Voltage Cable)
มาถึงสายไฟประเภทสุดท้าย นับว่าเป็นน้องสุดในตระกูลเลยก็ว่าได้ เพราะมีแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่า 1 kV (นิยมใช้ 220 โวลต์) นิยมส่งจ่ายไฟฟ้าแรงต่ำไปยังเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า โคมไฟ และปลั๊กไฟแค่นั้นเลย เหมาะกับสายไฟที่ใช้ภายในอาคารทั่วไป และใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป
เลือกใช้ตามลักษณะการใช้งานสำคัญไม่แพ้แรงดันไฟฟ้า

แน่นอนว่าแรงดันไฟฟ้าสำคัญเป็นลำดับแรกอยู่แล้ว เพราะมันเปรียบเสมือนกับพลังในการทำงาน ลองนึกภาพว่าคุณใช้สายไฟที่มีแรงดันน้อยไปใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าที่ต้องทนแรงดันที่สูงก็คงจะรวนน่าดู แต่ทั้งนี้ลักษณะการใช้งานก็สำคัญไม่แพ้เช่นเดียวกัน โดยพิจารณาจากสภาพแวดล้อม การใช้งาน และความยืดหยุ่นของสายไฟ จำแนกได้ดังนี้

• สายไฟสำหรับเดินสายแบบเกาะผนัง (VAF Cable)
สายไฟ VAF (Varnish Cloth Armored Cable) หรือที่รู้จักกันในชื่อสายไฟแบนนั่นเอง เป็นสายไฟชนิดหนึ่งที่นิยมใช้สำหรับเดินสายไฟแบบเกาะผนังภายในอาคารทั่วไป ด้วยคุณสมบัติเด่นหลายประการ ทำให้สายไฟ VAF กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับช่างไฟฟ้าและเจ้าของบ้าน
เป็นสายไฟที่ผลิตจากทองแดงแท้ 100% และมีหลายขนาดให้เลือกตั้งแต่ 1.5 SQMM ถึง 10 SQMM เลยทีเดียว หุ้มด้วยฉนวน PVC 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นฉนวนหุ้มตัวนำแต่ละเส้น ชั้นที่สองเป็นฉนวนหุ้มรวมทั้งหมด และอย่างที่รู้กันว่าฉนวน PVC ทนทานต่อความร้อน ไฟฟ้า และสารเคมีอย่างมาก

เหมาะกับใช้งานภายในอาคาร อุณหภูมิปกติ ส่วนมากแล้วจะใช้สำหรับเดินสายไฟบนผนัง ฝ้าเพดาน หรือตามแนวราง คุณจะพบเห็นการเดินสายไฟฟ้าประเภทนี้ภายในอาคารทั่วไป เช่น บ้าน อาคารสำนักงาน โรงงาน ซึ่งจะเดินสายไฟฟ้าไปยังปลั๊กไฟ โคมไฟ สวิตช์ไฟ เป็นต้น

• สายไฟสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เคลื่อนย้ายบ่อย (VCT/VCT-G, FLEX-JZ/YSLY-JZ, FLEX-JZ Power 0.6/1KV)
เพราะในโรงงานอุตสาหกรรม เต็มไปด้วยเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องเคลื่อนย้ายอยู่เสมอ สายไฟทั่วไปอาจไม่เพียงพอ และนั่นเป็นเหตุผลที่สายไฟ VCT/VCT-G ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานนี้โดยเฉพาะ มาดูกันครับว่า สายไฟ VCT/VCT-G มีจุดเด่นอย่างไร เหมาะกับการใช้งานแบบไหน และมีความแตกต่างจากสายไฟชนิดอื่นอย่างไร

ลำดับแรกเลยคือผลิตจากทองแดงแท้ 100% และมีหลายขนาดให้เลือกตั้งแต่ 1.5 SQMM ถึง 95 SQMM เฉกเช่นเดียวกันกับ VAF Cable หุ้มด้วยฉนวน PVC 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นฉนวนหุ้มตัวนำแต่ละเส้น ส่วนชั้นที่สองเป็นฉนวนหุ้มรวมทั้งหมด และส่วนมากแล้วจะต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องเคลื่อนย้ายบ่อย เช่น เครื่องดูดฝุ่น เครื่องขัดพื้น เหมาะสำหรับเดินสายไฟฟ้าในโรงงานและสถานที่ที่ต้องเคลื่อนย้ายอุปกรณ์บ่อย ๆ ที่สำคัญคือสามารถฝังดินได้ สบายใจหายห่วง

• สายไฟสำหรับเดินสายแบบร้อยท่อภายนอกอาคาร (NYY-J, NYY/NYY-G Cable)
สโลแกนของสายไฟชนิดนี้คือ ‘ทนทาน ปลอดภัย เหมาะกับทุกสภาพอากาศ’ เพราะมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ทั้งนี้สำหรับสายไฟ NYY/NYY-G หรือที่เรียกว่าสายไฟหุ้มฉนวนสองชั้น เป็นสายไฟชนิดพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานภายนอกอาคารโดยเฉพาะ ด้วยคุณสมบัติที่ทนทาน ปลอดภัย และกันน้ำ จึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของช่างไฟฟ้าและวิศวกรสำหรับงานเดินสายไฟภายนอกอาคารนั่นเอง

ด้วยคุณสมบัติขั้นเทพของสายไฟชนิดนี้อย่าง ผลิตจากทองแดงแท้ 100% มีหลายขนาดให้เลือกตั้งแต่ 1.5 SQMM ถึง 1000 SQMM หุ้มด้วยฉนวน PVC 2 ชั้น หุ้มด้วยชั้นผ้าทาแลคเกอร์ ทั้งหมดคือคุณสมบัติชั้นเยี่ยมของสายไฟ

ส่วนมากจะใช้งานภายนอกอาคาร เพราะทนทานต่อสภาพอากาศร้อน ฝน หรือถ้าเป็นต่างประเทศก็หิมะ เอาอยู่หมด เพราะทนต่อความชื้นสูง ฝังดิน ร้อยท่อได้หมดเลย และช่างจะใช้เดินสายไฟฟ้าภายนอกอาคาร เช่น เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา ไฟสวน เป็นต้น
ทั้งนี้ลองสังเกตดูว่าสายเคเบิ้ลประเภทนี้จะแยกย่อยลงไปอีก 2 ชนิด คือแบบ NYY กับ NYY-G ข้อแตกต่างหลัก ๆ ก็คือ NYY จะไม่มีสายดิน ส่วน NYY-G จะมีสายดิน และช่างจะนิยมมากว่า เป็นต้น

หลักเกณฑ์ทอง เลือกสายไฟในโรงงานให้เหมาะกับงาน

การเลือกใช้สายไฟที่เหมาะสมกับงานโรงงานอุตสาหกรรม ที่เต็มไปด้วยเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องใช้งานหนัก การเลือกสายไฟที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลร้ายแรงต่อทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และการผลิต ดังนั้นคุณต้องละเอียดมาก ๆ ในเรื่องนี้ โดยใช้หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ ในการพิจารณา

1.แรงดันไฟฟ้าของระบบไฟฟ้า

เกริ่นไปบ้างแล้วสำหรับเรื่องของแรงดันไฟฟ้า เนื่องจากแรงดันไฟฟ้าเปรียบเสมือนหัวใจของระบบไฟฟ้า และเปรียบเสมือนพลังงานที่ขับเคลื่อนให้เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้าทำงาน การเลือกสายไฟที่มีแรงดันไฟฟ้าไม่เหมาะสม อาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น สายไฟร้อนเกิน อาจทำให้ฉนวนเสื่อมสภาพ เกิดประกายไฟ และลุกลามเป็นเพลิงไหม้หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานผิดปกติ นำไปสู่ให้ระบบไฟฟ้าลัดวงจรได้ ดังนั้นก็ต้องเลือกสายไฟที่เหมาะกับงานนั้น ๆ

โดยลำดับแรกให้พิจารณาจาก แรงดันไฟฟ้าใช้งาน ให้เลือกสายไฟให้เหมาะสมกับแรงดันไฟฟ้าของระบบ เช่น 220 โวลต์ 380 โวลต์ หรือ 600 โวลต์ หรือระบุแรงดันไฟฟ้าใช้งานไว้บนฉลากของสายไฟก็ย่อมได้เช่นกัน ทั้งนี้เราแนะนำให้เลือกสายไฟที่ทนทานต่อแรงดันไฟฟ้ามากกว่าแรงดันไฟฟ้าใช้งานจริง เผื่อไว้สำหรับกรณีแรงดันไฟฟ้าตกหรือผันผวนนั่นเอง
ตัวอย่างเช่น คุณมีระบบไฟฟ้า 220 โวลต์ คุณควรเลือกสายไฟที่มีแรงดันไฟฟ้าทนทาน 300 โวลต์ขึ้นไป ซึ่งอาจจะใช้สายไฟ THW Cable, NYY Cable เป็นต้น

2.กระแสไฟฟ้าที่สายไฟต้องรองรับ

ตรงนี้อาจจะเกี่ยวกับคณิตศาสตร์เต็ม ๆ เพราะคุณต้องคำนวณกระแสไฟฟ้า (หากไม่มั่นใจ แนะนำให้ปรึกษาช่างก่อนเสมอ) ซึ่งสูตรคำนวณจะเป็นแบบ I = P/V โดยที่ I = กระแสไฟฟ้า (แอมแปร์) P = กำลังไฟฟ้า (วัตต์) V = แรงดันไฟฟ้า (โวลต์)

เมื่อโจทย์เป็นแบบนั้น เราเลยลองไปคำนวณดูออกมาเป็นแบบนี้ โหลดไฟฟ้า 1,000 วัตต์ ต่อกับระบบไฟฟ้า 220 โวลต์ คำนวณกระแสไฟฟ้าได้ดังนี้ I = 1,000/220 = 4.55 แอมแปร์ เป็นต้น ทั้งนี้เราแนะนำเพิ่มเติมให้เลือกสายไฟที่มีขนาดใหญ่พอ รองรับกระแสไฟฟ้าที่คำนวณได้ เผื่อสำรองไว้ประมาณ 20-30%

3.สภาพแวดล้อมการใช้งาน

สภาพแวดล้อม เป็นอะไรที่สายไฟต้องเผชิญ ดังนั้นถึงแม้จะเป็นปัจจัยภายนอกที่คุณควบคุมไม่ได้ แต่คุณก็ควรป้องกันเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการเลือกใช้สายไฟที่เหมาะสม

เราขอยกตัวอย่าง เช่น ใช้สำหรับภายในอาคาร อุณหภูมิปกติ ความชื้นต่ำ เลือกสายไฟ VAF Cable, VCT Cable หรือถ้าเป็นภายนอกอาคาร ฝน แดด ความชื้นสูง เลือกสายไฟ NYY Cable, NYY-G Cable หรือสายไฟที่ใช้ภายนอกและต้องทนแรงดึงเลือก H07R-F, NSHTOU-J, TROMELFLEX-PU-HF เป็นต้น

4.ระยะทางในการเดินสาย

เข้าสู่วิชาคณิตศาสตร์อีกแล้ว เพราะมีสูตรคำนวณมาฝากเช่นเดียวกัน ซึ่งต้องบอกก่อนว่าระยะทางในการเดินสายไฟ ส่งผลต่อความสูญเสียของพลังงาน ประสิทธิภาพการทำงาน ดังนั้นก็ต้องคำนวณดี ๆ

โดยมีสูตรคือ Vloss = (2 * ρ * L * I²) / A โดยที่ Vloss = แรงดันไฟฟ้าตก (โวลต์) ρ = ความต้านทานของตัวนำ (Ω/m) L = ระยะทางเดินสาย (เมตร) I = กระแสไฟฟ้า (แอมแปร์) A = พื้นที่หน้าตัดของตัวนำ (ตารางมิลลิเมตร)

เราเอาไปคำนวณดู ได้ดังนี้คือ ระยะทางเดินสาย 50 เมตร กระแสไฟฟ้า 10 แอมแปร์ สายไฟ VAF Cable 2.5 SQMM คำนวณการสูญเสียพลังงานได้ดังนี้ Vloss = (2 * 0.0172 * 50 * 10²) / 2.5 = 8.6 โวลต์ นั่นเอง ตรงนี้ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ

เป็นยังไงกันบ้างกับความรู้ที่เราได้นำมาฝากวันนี้ อาจจะเป็นคณิตศาสตร์ไปบ้าง แต่เราเชื่อเหลือเกินว่าหากคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณคงได้อะไรกลับไปบ้าง หากมีข้อแนะนำเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ตลอดเวลาเลย

ตาคุณแล้ว เราขอถามคุณหน่อยว่า โรงงานของคุณใช้สายไฟแบบไหนอยู่? รู้หรือไม่ว่าสายไฟมีกี่ประเภท แต่ละประเภทเหมาะกับงานอะไร เลือกผิด ช็อต ไฟไหม้ สูญเสียทั้งทรัพย์สิน ชีวิต! อย่าเสี่ยง! เลือก Inspire Protech ผู้เชี่ยวชาญด้านสายไฟในโรงงาน

เรามีสายไฟหลากหลาย ครบทุกประเภท เหมาะกับทุกงาน ตอบโจทย์ทุกความต้องการ แบรนด์ชั้นนำมั่นใจคุณภาพ ปลอดภัย ทนทาน ใช้งานยาวนาน พร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดส่ง ติดตั้ง ครบจบในที่เดียว ที่สำคัญเรามีทีมผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ เข้าใจระบบไฟฟ้าโรงงาน แนะนำสายไฟที่เหมาะสมกับคุณ เปลี่ยนสายไฟ เปลี่ยนชีวิต เลือก Inspire Protech เท่านั้น

 


 

สนใจ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ สายไฟ สายไฟ vct สายสัญญาณ สายเคเบิ้ล ติดต่อ บริษัท อินสไปร์ โปรเทค

ที่อยู่ : 11/2 ซอยจตุโชติ 15(นาสวน-เนียมกล่ำ) แขวง ออเงิน เขต สายไหม กรุงเทพฯ 10220
สายด่วน : 087-053-0999 | Email : sales@ipt-kabel.com
Facebook Fanpage: Inspire Protech | Line : @ipt-kabel