โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน -โรงไฟฟ้าชีวมวลคืออะไร
โรงไฟฟ้าชีวมวลในไทย โอกาสท้าทาย บนเส้นทางสู่พลังงานสีเขียว
โลกกำลังร้อนระอุในตอนนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่จากแสงอาทิตย์ แต่จากการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มนุษย์ใช้มาอย่างยาวนาน วิกฤตพลังงานและสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ บีบให้เราต้องมองหาแหล่งพลังงานใหม่ ที่สะอาดและยั่งยืนกว่า ท่ามกลางความมืดมิดนี้ มีแสงสว่างหนึ่งเรืองรองขึ้นมา นั่นคือ "พลังงานชีวมวล" พลังงานที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ เรา ในเศษไม้ ใบหญ้า หรือแม้แต่ของเสียจากฟาร์ม โรงไฟฟ้าชีวมวล คือโรงงานที่จะเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าหล่อเลี้ยงชีวิตเช่นเดียวกันกับสายไฟ เราเลยอยากพาคุณไปสำรวจศักยภาพของโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่จะพลิกโฉมอนาคตของเราไปพร้อมกัน
โรงไฟฟ้าชีวมวล เปลี่ยนเศษเหลือเป็นพลังงานสะอาด
จากกองขยะ สู่แสงสว่าง นี่ไม่ใช่เวทมนตร์ของโรงงานสายไฟแต่อย่างใด แต่เป็นวิทยาศาสตร์แห่งพลังงานทดแทนที่เรียกว่า "โรงไฟฟ้าชีวมวล" นั้นเอง คุณเคยสงสัยไหมว่า เศษไม้ กากอ้อย หรือแม้แต่เปลือกทุเรียนที่เราทิ้งไป จะมีค่ามากกว่าที่คิด โรงไฟฟ้าชีวมวลคือคำตอบ เพราะที่นี่ "ของเหลือ" จะถูกเปลี่ยนเป็น "พลังงาน" ผ่านกระบวนการที่น่าทึ่งจนถึงออกมาเป็นพลังงานไฟฟ้า
เนื่องจากไม่ใช่แค่การกำจัดขยะ แต่เป็นการสร้างพลังงานสะอาด ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และช่วยโลกใบนี้หายใจได้เต็มปอดอีกครั้ง
อธิบายให้ง่ายกว่านั้น โรงไฟฟ้าชีวมวล คือ โรงไฟฟ้าที่ใช้ "ชีวมวล" หรือวัสดุอินทรีย์จากธรรมชาติ เช่น เศษไม้ กากอ้อย แกลบ ชานอ้อย ฯลฯ เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า (ซึ่งจะส่งผลดีต่อโรงงานสายไฟต่อไป) โดยการนำชีวมวลเหล่านี้มาเผาไหม้เพื่อผลิตไอน้ำ จากนั้นไอน้ำจะถูกนำไปหมุนกังหันเพื่อขับเคลื่อนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จากนั้นก็ส่งต่อไปสายไฟ คือ โรงงานที่ผลิตสายไฟฟ้าชนิดต่าง ๆ เพื่อใช้ส่งกระแสไฟฟ้านั้นเอง
โรงไฟฟ้าชีวมวล มิตรต่อโลก ลดโลกร้อน (แถมยังส่งผลดีต่อโรงงานสายไฟ)
1.ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral)
หมายถึง สภาวะที่ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ กล่าวคือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมา จะต้องถูกชดเชยด้วยการลดการปล่อย หรือการดูดซับก๊าซเรือนกระจกกลับคืนในปริมาณที่เท่ากัน โรงไฟฟ้าชีวมวลเลยมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดภาวะโลกร้อนได้
เนื่องจากต้นไม้และพืชพลังงานที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวล ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศระหว่างการเจริญเติบโต เมื่อนำมาเผาไหม้ คาร์บอนไดออกไซด์ก็จะถูกปล่อยกลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นวัฏจักรคาร์บอนที่สมดุล ไม่เพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกสุทธิในชั้นบรรยากาศ และตัวเชื้อเพลิงฟอสซิลเองก็ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกกักเก็บไว้ใต้ดินเป็นเวลานาน ทำให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2.ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ
นอกจากจะเป็นกลางทางคาร์บอนแล้ว โรงไฟฟ้าชีวมวลยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ที่มีผลกระทบร้ายแรงต่อภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย มาดูกันมีกลวิธีแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
เนื่องจากโรงไฟฟ้าชีวมวลยุคใหม่มีการติดตั้งระบบควบคุมมลพิษที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ระบบกำจัดฝุ่นละออง ระบบกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และระบบลดการปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ ส่งผลให้เทคโนโลยีมีการเผาไหม้ที่ทันสมัยช่วยให้การเผาไหม้ชีวมวลสมบูรณ์ ลดการเกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซพิษและก๊าซเรือนกระจกนั้นเอง
ทั้งนี้การนำของเสียจากภาคเกษตรและอุตสาหกรรม เช่น กากอ้อย เศษไม้ แกลบ ชานอ้อย มาใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวล ช่วยลดปริมาณของเสียที่ต้องนำไปฝังกลบ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากกระบวนการย่อยสลายของเสียในหลุมฝังกลบ ก๊าซมีเทนมีศักยภาพในการทำให้โลกร้อนมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 84 เท่า ที่สำคัญการใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุทางการเกษตรในโรงไฟฟ้าชีวมวล ยังช่วยลดการเผาในที่โล่ง ซึ่งเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และยังส่งผลดีต่อในอนาคตอีกด้วย
3.ส่งเสริมการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน
โรงไฟฟ้าชีวมวลไม่เพียงแต่ใช้ทรัพยากรชีวมวลที่มีอยู่แล้ว แต่ยังสามารถเป็นแรงผลักดันสำคัญในการส่งเสริมการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ซึ่งมีส่วนช่วยลดโลกร้อนและสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศของโลก เพราะว่าโรงไฟฟ้าชีวมวลมีความต้องการเชื้อเพลิงชีวมวลอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้สร้างแรงจูงใจให้มีการปลูกป่าเพิ่มขึ้น หรือฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม เพื่อผลิตไม้โตเร็วหรือพืชพลังงานอื่น ๆ ที่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้
นั่นส่งผลให้เกษตรกรและชุมชนสามารถมีรายได้เสริมจากการขายเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร หรือไม้จากการปลูกป่าให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวล สิ่งนี้ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น และกระตุ้นให้เกิดการดูแลรักษาป่าไม้อย่างยั่งยืน เฉกเช่นเดียวกันกับโรงงานสายไฟ
และคุณเชื่อหรือไม่ว่าการใช้ชีวมวลจากการปลูกป่าหรือเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ช่วยลดแรงกดดันในการตัดไม้จากป่าธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนที่สำคัญ ส่งต่อให้โรงไฟฟ้าชีวมวลที่ดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบ จะรับซื้อเฉพาะชีวมวลจากแหล่งที่ถูกกฎหมายเท่านั้น สิ่งนี้ช่วยลดการตัดไม้ทำลายป่าอย่างผิดกฎหมาย
การปลูกป่าเพื่อผลิตชีวมวล ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวและความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมโดยรวม ทั้งการปลูกพืชพลังงานในพื้นที่เสื่อมโทรม ช่วยฟื้นฟูสภาพดินและระบบนิเวศ สุดท้ายแล้วก็จะส่งผลให้ป่าไม้ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศระหว่างการสังเคราะห์แสง การเพิ่มพื้นที่ป่าผ่านการส่งเสริมการปลูกป่าเพื่อผลิตชีวมวล ช่วยเพิ่มศักยภาพในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ และลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนได้นั่นเอง
ชีวมวลไทย ก้าวไกลแค่ไหนบนเส้นทางพลังงานสะอาด
ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลมาก ๆ เนื่องจากมีทรัพยากรชีวมวลหลากหลายชนิด เช่น เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร (แกลบ ชานอ้อย กากมันสำปะหลัง) เศษไม้จากอุตสาหกรรม และพืชพลังงาน อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายและโอกาสต่างๆ
เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วหลายแห่ง รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ และตัวเชื้อเพลิงชีวมวลที่ใช้ส่วนใหญ่ ได้แก่ แกลบ ชานอ้อย และไม้สับเองก็มีเยอะ นั่นส่งผลให้โรงไฟฟ้าชีวมวลส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวมวลจำนวนมากนั่นเอง
แต่ก็ต้องยอมรับว่าปริมาณและราคาชีวมวลมีความผันผวนตามฤดูกาลและสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าชีวมวลบางแห่งยังใช้เทคโนโลยีที่ล้าสมัย และขาดการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องมลพิษและประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าต่ำ รวมไปถึงในบางพื้นที่ โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลประสบปัญหาการต่อต้านจากชุมชน เนื่องจากความกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ยังไม่รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายและมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ อาจส่งผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนและการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลในระยะยาว
กล่าวโดยสรุปแล้ว ประเทศไทยยังมีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลอีกมาก โดยเฉพาะจากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและของเสียจากอุตสาหกรรม เทคโนโลยีโรงไฟฟ้าชีวมวลมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น ภาครัฐเองก็ต้องมีนโยบายส่งเสริมการผลิตและใช้พลังงานทดแทน รวมถึงพลังงานชีวมวล ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับการลงทุนและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลในอนาคตด้วย
โรงไฟฟ้าชีวมวลเปลี่ยนเศษเหลือเป็นพลังงานสะอาด แต่การเดินทางของพลังงานนั้นยังไม่สิ้นสุด Inspire Protech พร้อมเป็นสะพานเชื่อมต่อพลังงานนั้น ด้วยสายไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ส่งต่อความยั่งยืนจากโรงไฟฟ้าชีวมวล สู่โรงงาน สู่ชุมชน และสู่ทุกครัวเรือน เพราะเราเชื่อว่า พลังงานสะอาดไม่ควรถูกจำกัดอยู่แค่ในโรงไฟฟ้า แต่ควรส่องสว่างไปทั่วทุกมุมโลก ให้ทุกคนได้สัมผัสถึงอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน Inspire Protech พลังงานสะอาดที่คุณไว้วางใจ เพื่อโลกที่เราห่วงใย
สนใจ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ สายไฟ,สายเคเบิ้ล,สายสัญญาณ,สายไฟคอนโทรล,สายไฟทนความร้อน, สายไฟกัน้ำ,สายไฟกันสารเคมี, สายทนน้ำมัน, สายทนความร้อน, สายไฟเครน,สายไฟเคลื่อนที่, สายไฟโรบอท
ติดต่อ บริษัท อินสไปร์ โปรเทค สายไฟอุตสาหกรรม ที่ลูกค้าไว้วางใจ
ที่อยู่ : 11/2 ซอยจตุโชติ 15(นาสวน-เนียมกล่ำ) แขวง ออเงิน เขต สายไหม กรุงเทพฯ 10220
สายด่วน : 087-053-0999 | Email : sales@ipt-kabel.com
Facebook Fanpage: Inspire Protech | Line : @ipt-kabel